ความแตกต่างระหว่าง สายแลน CAT5E CAT6 และ CAT6A

32595 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ความแตกต่างระหว่าง สายแลน CAT5E CAT6 และ CAT6A

ความแตกต่างระหว่าง สายแลน CAT5E CAT6 และ CAT6A

สาย LAN คือ อะไร ?
LAN เป็นคำย่อของ Local Area Network มันเป็นระบบเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ใด พื้นที่หนึ่ง เช่น บ้าน, มหาวิทยาลัย, สำนักงาน ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้จำกัดแค่คอมพิวเตอร์แล้ว ในระบบ LAN ปัจจุบันนี้ อาจจะมีทั้งสมาร์ทโฟน, โปรเจคเตอร์, เครื่องพิมพ์ ฯลฯ ทำงานร่วมกันอยู่ในระบบ

จุดเริ่มต้นของ Local Area Network (LAN) เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) จากความต้องการของระบบเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วสูงในมหาวิทยาลัย และห้องวิจัย เมื่อ Xerox ได้เปิดตัวเทคโนโลยี Ethernet ในปี ค.ศ. 1973 มันก็ทำให้ระบบ LAN เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

สาย LAN มีกี่แบบ ?
ในระบบ LAN จะมีสายอยู่ 3 แบบหลักๆ ที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และระบบ Network คือ

  1. Copper Twisted Pair (คนไทยมักเรียก “สาย LAN” หรือ “สาย Ethernet” หรือ “สาย Network”)
  2. Coaxial Cable (คนไทยมักเรียก “สายโคแอกซ์”)
  3. Fiber Cable (คนไทยมักเรียก “สายไฟเบอร์”)

สายทั้งสามแบบนี้ออกแบบ และคุณสมบัติในการทำงานที่แตกต่างกัน สาย Coaxial Cable และ Fiber Cable การใช้งานที่น่าจะคุ้นเคยกันดี ก็จะเป็นสายที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตลากเข้าโมเด็มเราเตอร์ในบ้านของเรา ส่วนสาย Copper Twisted Pair ก็คือ สายที่เราใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับโมเด็มเราเตอร์นั่นเอง

แบ่งสายแลนตามลักษณะการติดตั้ง ได้อย่างไร ?
สำหรับใช้ภายนอกและภายในอาคาร
สายแลนที่ใช้ภายนอกและภายในอาคารนั้น เส้นลวดภายใน และการส่งความถี่อาจจะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่สายหุ้มฉนวนด้านนอก หากเป็นสายแลนที่จำเป็นจะต้องเดินนอกอาคารจะมีการหุ้มของฉนวนด้านนอกที่ค่อนข้างแข็งกว่ามากและยังหนากว่าที่ใช้ภายในอีกด้วย ส่วนใหญ่อาจจะเป็นสาย LAN ชนิดที่เรียกได้ว่าแข็งแรงกว่าสายแลนที่ใช้ภายในนั่นเองเพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศภายนอก ซึ่งหากใช้สายแลนภายในไปเดินสายแลนภายนอกจะทำให้เกิดการขาดและการชำรุดได้ง่าย เพราะสายแลนภายในนั้นจะมีการหุ้มฉนวนที่ค่อนข้างอ่อน ทำให้ง่ายต่อการดัดงอหรือต้องเข้ามุมตามโต๊ะต่างๆนั่นเอง

รูปแบบลักษณะการหุ้มฉนวน
หากลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าสายแลนจะมีลักษณะการหุ้มฉนวนที่ต่างกัน มีตั้งแต่ที่เป็นสายแลนมีฉนวนอย่างเดียวแต่ไม่มีฟลอย หรือจะเป็นสาย LAN ที่มีฟลอยด้านนอก โดยส่วนมากที่มีฟลอยด้านนอกจะเป็นการหุ้มเพื่อป้องกันความร้อน หรือเป็นสาย LAN ที่มีฟลอยหุ้มทั้งหมด แต่ละประเภทนี้จะถูกใช้ในลักษณะเฉพาะ ไม่เหมือนที่มีแต่ฉนวนอย่างเดียว เพราะการมีแต่ฉนวนอย่างเดียวนั่นคือเป็นสายแลนที่ใช้ทั่วไปนั่นเอง

คุณภาพความถี่ที่รองรับ
สายแลนที่แบ่งตามคุณภาพความถี่ที่รองรับนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีมากสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมีอยู่ 4 ประเภทโดยจะขอแบ่งเป็นหัวข้อเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

  • ประเภทที่ 1 สาย UTP Cat 5 เป็นสายแลนที่เป็นสายทองแดงมีความเร็วที่ต่ำความเร็วสูงสุดที่จะรองรับสำหรับสายแลนประเภทนี้จะอยู่ที่ 100 Mbps สายชนิดนี้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้งานกัน เพราะมีการถ่ายโอนข้อมูลที่ค่อนข้างต่ำ
  • ประเภทที่ 2 สาย UTP cat5e เป็นสายแลนที่เป็นสายทองแดง แต่ถึงแม้จะเป็นสายทองแดงที่มีความเร็วต่ำ แต่ความเร็วสูงสุดของประเภทนี้ก็จะอยู่ที่ 1 GPS ซึ่งจะเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย อ เช่น การเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
  • ประเภทที่ 3 สาย UTP cat6 เป็นสายแลนเป็นทองแดง ถึงจะเป็นสายแลนที่เป็นทองแดงที่มีความเร็วต่ำนั้นแต่ก็ยังมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Tpbs แบนด์วิดธ์ th อยู่ที่ 250 เมกะเฮิรตซ์เลยทีเดียว
  • ประเภทที่ 4 สาย UTP Cat 7 เป็นสายทองแดงความเร็วต่ำที่มีความเร็วอยู่ที่ 10 GPS แต่ bandwidth th นั้นจะอยู่ที่ 600 เมกะเฮิรตซ์ต่างกับประเภทที่ 3 อยู่มากทีเดียว

สายแลนที่แบ่งตามการเข้าหัว
การเข้าหัวของสาย LAN จะทำให้การเชื่อมต่อมีความเสถียร ควรเลือกสายแลนให้ตรงกับการใช้งานเพื่อที่จะได้การใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับงาน

สาย Copper Twisted Pair คืออะไร
สาย Copper หรือสายลวดทองแดงตีเกลียว เพื่อใช้ทองแดงเป็นสื่อกลางในการส่งสัญญาณด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันนอกจากจะส่งสัญญาณข้อมูลได้แล้ว สายแลนยังเป็นตัวส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานให้อุปกรณ์ของเราโดยไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม หรือที่เรียกว่า PoE (Power of Ethernet) เมื่อเราไปซื้อสาย LAN เราจะพบว่าสาย LAN จะมีฉลากกำกับเอาไว้ด้วยว่าเป็นสายประเภทอะไร อย่างเช่น “CAT 5”, “CAT 5E”, “CAT 8” ฯลฯ เลขเหล่านี้ คือ เลขที่จะบอกให้เราทราบว่ามันเป็นสาย LAN ประเภทอะไรนั่นเอง โดย CAT ย่อมาจากคำว่า CATegory ที่แปลว่า ประเภท และ เลขต่อท้ายคือตัวเลขที่บ่งบอกความจุในการรองรับสัญญาณของสาย ซึ่งยิ่งมีจำนวนเลขสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถรองรับการส่งข้อมูลได้มากขึ้นเท่านั่น โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงสาย CAT5E ,CAT6 และ CAT6A ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดปัจจุบันว่าแตกต่างกันอย่างไร


ตารางเปรียบเทียบสายแลน CAT6 CAT6A CAT7

 
สายเคเบิล CAT5e คืออะไร?
CAT5e หรือที่รู้จักในชื่อ Category 5e หรือ Category 5 Enhanced เป็นมาตรฐานสายเคเบิลเครือข่ายที่ได้รับการรับรองในปี 2542 CAT5e ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนจากมาตรฐาน CAT5 แบบเก่า รวมถึงความเร็วที่เร็วขึ้นสูงสุด 10 เท่า และความสามารถในการส่งข้อมูลที่ไกลขึ้นโดยไม่ได้รับผลกระทบ จากการถูกรบกวนของคลื่อแม่เหล็กไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้ว สายเคเบิล CAT5e จะเป็นสายคู่บิดเกลียว 24 AWG ซึ่งสามารถรองรับเครือข่ายกิกะบิตที่ระยะเซกเมนต์สูงสุด 100 ม.

สายเคเบิล CAT6 คืออะไร?
CAT6 มาจาก Category 6 เป็นสายที่ออกมาเพียงไม่กี่ปีหลังจาก CAT5e

CAT6 ได้มาตรฐานสายคู่บิดเกลียว  สำหรับอีเทอร์เน็ต เข้ากันได้มากกว่าเมื่เทียบกับ สาย CAT5 / 5e และ CAT3 ที่เป็นรุ่นเก่า

เช่นเดียวกับ CAT5e สายเคเบิล CAT6 รองรับกลุ่ม Gigabit Ethernet สูงสุด 100 ม. แต่ยังรองรับให้ใช้ในเครือข่าย 10-Gigabit ในระยะทางที่จำกัด ในปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว CAT5e จะถูกใช ้ในพื้นที่หน้างานเป็นหลัก ในสถานที่ไม่ไกลมากนัก ในขณะที่ CAT6 ถูกใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักตั้งแต่เราเตอร์ไปจนถึงสวิตช์

สายเคเบิล CAT6A คืออะไร?
หากมองในระยะยาวแล้ว CAT 6a เป็นสายที่น่าสนใจมากในปัจจุบัน มันมีโปรโตคอล A/V ในตัว ทำให้รองรับการใช้งานแทนสาย HDMI ได้

สาย CAT 6a ต่างจาก CAT 6 ตรงที่แบนด์วิธขยับเพิ่มมาเป็น 500 MHz นอกจากนี้ ภายในตัวสายยังมีฉนวนเพื่อลดปัญหาสัญญารบกวน ทำให้มีเสถียรภาพสูงแม้จะใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณอื่นรบกวนสูง

เรื่องความยาวก็ไม่มีปัญหาเหมือนกับ CAT 6 สามารถทำความเร็วสูงสุด  10 Gbps ที่ความยาวสายสูงสุด 100 เมตร

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้สาย CAT 6a เป็นสายที่เราคิดว่าน่าใช้งานที่สุดในปัจจุบันนี้


สรุป: CAT5e กับ CAT6 และ CAT6A Cable
ข้อควรพิจารณามากมายในการเลือกสายเคเบิลที่เหมาะสม ความเร็วเครือข่ายที่ต้องการคืออะไร: 100 Mbps, 1000 Mbps หรือ 10 Gbps? จำนวนผู้ใช้มีกี่คน? ด้วยจำนวนผู้ใช้จำนวนมาก ความถี่ของสายเคเบิล (MHz) จึงมีความสำคัญ สายเคเบิลสำหรับใช้ในที่ร่มหรือกลางแจ้งหรือไม่? สายเคเบิลต้องแข็งหรือยืดหยุ่นหรือไม่? มีแหล่งรบกวนสัญญาณหรือไม่? เพราะนอกจากสเปคของสายในการรองรับที่ไม่เท่ากันแล้ว ยังมีเรื่องของขนาดสาย และวัสดุกายภาพภายในสายที่ต่างกันอีกด้วย

ในที่สุด ทางเลือกการใช้สายก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของคุณ !!!

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ CAT5e หรือ CAT6 หรือ CAT6A แบบใด คุณก็ควรเลือกใช้สายเคเบิลคุณภาพทองแดง 100% เสมอ ข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าระบบเดินสายที่ด้อยกว่าสามารถทำให้เกิดการติดขัดการทำงานของเครือข่ายได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะเป็นเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนเครือข่ายเริ่มต้นก็ตาม ดังนั้นอย่าเสี่ยงกับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับการทำงาน โดยการใช้ระบบสายเคเบิลที่ไม่รับประกันประสิทธิภาพ มองหาซัพพลายเออร์ที่ให้การรับประกันตลอดอายุการใช้งานสำหรับสายเคเบิล  CAT5e และ CAT6 และ CAT6A อย่าง Panduit หรือดูคลิปวิดีโอการเปรียบเทียบสายได้จากภาพด้านล่าง

 

ชำแหละสาย ดูภายในสายแลน เทียบสเปคสาย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้